คำอธิบาย
เหรียญที่ระลึก พระคลัง ในพระคลังมหาสมบัติ ครบ 80ปี กรมธนารักษ์ ปี2555
เนื้อโลหะทองแดงร้อยละ 95
น้ำหนัก 11 กรัม
ความสูง 30 มิลลิเมตร
ประเภท รมดำพ่นทรายธรรมดา
จำนวนการผลิต 200,000 เหรียญ
ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้โปรดเกล้าฯ ให้สร้างเทวรูปขึ้นประดิษฐานไว้ในอาคารที่ตั้งของพระคลังมหาสมบัติ หรือที่เรียกว่า “พระคลัง ในพระคลังมหาสมบัติ” โดยมีลักษณะเป็นเทวดาหล่อยืน ทรงเครื่องกษัตริยาธิราช สวมมงกุฎยอดชัย (หรือพระมหามงกุฎ) พระหัตถ์ขวาถือพระขรรค์ อันเป็นลักษณะของผู้ปกป้องคุ้มครอง ส่วนพระหัตถ์ซ้ายถือดอกบัว อันเป็นสัญลักษณ์ของความอุดมสมบูรณ์ ความเจริญงอกงามและการบูชา ประดิษฐานอยู่ภายในซุ้มเรือนแก้วแบบเก๋งจีนทำด้วยไม้จันทน์ทาชาดสีแดง มีประตูเป็นบานเฟี้ยมถอดได้ แกะสลักลวดลายแบบจีน ลงรักปิดทอง
สันนิษฐานกันว่าการสร้างพระคลัง มีนัยยะคล้ายกับการสร้างพระสยามเทวาธิราช ทั้งในด้านรูปลักษณะในท่าที่ทรงยืน ฉลองพระองค์ด้วยเครื่องทรงแบบกษัตริย์ สวมมงกุฎยอดชัย ซึ่งหากจะเปรียบกับตัวโขนในมหากาพย์รามายณะหรือรามเกียรติ์แล้ว ตัวพระซึ่งเป็นเชื้อสายกษัตริย์ คือ ‘พระราม’ หรือแม้แต่ ‘พระลักษณ์’ ก็สวม ‘มงกุฎยอดชัย’ ซึ่งมีลักษณะคล้ายพระมหามงกุฎเช่นกัน นอกจากนี้ ยังเปรียบเสมือนเทพยดาศักดิ์สิทธิ์ที่คอยอภิบาลรักษา โดยองค์พระสยามเทวาธิราชเป็นดั่งเทพที่คอยปกป้องบ้านเมือง ส่วน “พระคลัง” ดุจดังเทพผู้พิทักษ์รักษาทรัพย์สินมีค่าในพระคลังมหาสมบัติ
สำหรับนัยยะของดอกบัวที่อยู่ในพระหัตถ์ซ้ายของ “พระคลัง”นั้น กล่าวกันว่า ‘ดอกบัว’ เป็นดอกไม้ที่เกี่ยวข้องกับวิถีชีวิต ความเชื่อทางศาสนาพุทธ และเทพเจ้าของฮินดู ซึ่งมีการนำมาใช้ในพิธีกรรมที่ศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ เพราะถือเป็นสิริมงคล นอกจากนี้ ‘ดอกบัว’ ยังเป็นต้นเค้าของพุทธศิลป์ไทย เห็นได้จากการนำรูปทรงดอกบัวมาใช้เป็นองค์ประกอบเชิงศิลป์ซึ่งนิยมทำเป็นรูปรองรับพระพุทธรูป พระสถูปเจดีย์ รูปบัวหัวเสาในอาคารสถาปัตยกรรมไทย เทวรูป หรือรูปเคารพที่ทรงถือดอกบัว อาทิ เทวรูปพระแม่ลักษมี ซึ่งเป็นเทพเจ้าแห่งความอุดมสมบูรณ์ รวมทั้งการนำรูปดอกบัวไปประทับบนเงินตรา เช่น รูปกระต่ายบนดอกบัวในเหรียญเงินทวารวดี รูปดอกบัวบนเงินพดด้วงสมัยอยุธยา และรูปบัวอุณาโลมบนเงินพดด้วงสมัยรัชกาลที่ ๑ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ รวมถึงรูปแบบของเครื่องอิสริยยศหมวดเครื่องอุปโภค เช่น พานพระศรี หรือพานหมาก ตลอดจนรูปองค์ประกอบบนดวงตราและดาราของเครื่องราชอิสริยาภรณ์ไทย ฯลฯ
ความเชื่อเกี่ยวกับ “พระคลัง” ว่าเปรียบดั่งเทพผู้พิทักษ์รักษาทรัพย์สินมีค่าในพระคลังมหาสมบัติ เป็นความเชื่อถือที่มีมาช้านาน เป็นสิ่งที่ควรค่าแก่การเคารพบูชา และเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจของข้าทูลละอองธุลีพระบาทที่รับราชการในพระคลังมหาสมบัตินับจากรุ่นสู่รุ่นสืบต่อกันมาจนถึงยุคปัจจุบัน ดังจะเห็นได้จาก การที่ชาวกรมธนารักษ์ยังคงสืบทอดประเพณี “ถวายเครื่องสังเวย” (แปลว่า ให้อาหาร ให้เครื่องกิน ให้เครื่อง เซ่นไหว้) เทวรูปพระคลัง หรือที่ชาวกรมธนารักษ์เรียกกันว่า “พิธีไหว้เจ้าพ่อคลัง” ขึ้นทุกปีอย่างสม่ำเสมอ มิได้ขาด เพื่อขอให้ความเป็นสิริมงคลเกิดขึ้นแก่ผู้สักการบูชา และเป็นสิ่งที่ทุกคนได้พร้อมใจกันกระทำด้วยจิตใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังแห่งศรัทธาที่มีต่อ “เทวรูปพระคลัง ในพระคลังมหาสมบัติ” อย่างไม่เสื่อมคลาย
ลักษณะลวดลาย :
ด้านหน้า กลางเหรียญเป็นเทวรูปพระคลังเต็มองค์ ประทับยืนบนแท่น ทรงเครื่องกษัตริยาธิราช สวมมงกุฎยอดชัย พระหัตถ์ขวาถือพระขรรค์ พระหัตถ์ซ้ายถือดอกบัว เบื้องหลังเทวรูปพระคลังเป็นพระวิมานเก๋งจีนที่องค์เทวรูปพระคลังสถิตอยู่
ด้านหลัง กลางเหรียญมีตราสัญลักษณ์ของกรมธนารักษ์ เบื้องบนมีข้อความว่า “พระคลัง ในพระคลังมหาสมบัติ” เบื้องล่างมีข้อความว่า “ครบ ๘๐ ปี กรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง พ.ศ. ๒๕๕๕” ตามลำดับ ภายในชิดขอบเหรียญโดยรอบประดับด้วยลายไทย สะท้อนถึงศิลปะและความเป็นไทย เมื่อดูโดย องค์รวมทั้งหมดของเหรียญจะสมบูรณ์ทุกส่วนทั้งมิติของความงามในงานศิลปะ ความศักดิ์ ความสงบ และความศรัทธา
ในส่วนของการผลิตเหรียญจะมีกรรมวิธีการทำที่ละเอียดทุกขั้นตอน โดยเฉพาะในขั้นตอนการผลิตเหรียญขัดเงา เหรียญพ่นทรายรมดำพิเศษ ซึ่งจะผลิตโดยกรรมวิธีทำด้วยมือทุกเหรียญเพื่อให้เหรียญออกมาดูมีมิติในทุกๆ ด้าน และที่พิเศษอีกประการคือ เหรียญที่ระลึกพระคลังฯ ได้ผ่าน ‘พิธีเทวาภิเษก’ ณ วัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร เมื่อวันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๕๕
อ้างอิง
เอกสารใบสั่งจองเหรียญที่ระลึกพระคลัง ในพระคลังมหาสมบัติ โดยกรมธนารักษ์.
เทวรูปพระคลัง ในพระคลังมหาสมบัติ. สารสำนักทรัพย์สินมีค่าของแผ่นดิน ฉบับที่ ๑๙ ประจำเดือนตุลาคม ๒๕๕๓ – มีนาคม ๒๕๕๔.